CAO ขับเคลื่อน Hyperautomation องค์กรไทย

บทบาทของ Chief Automation Officer (CAO) ในการขับเคลื่อน Hyperautomation สำหรับองค์กรไทย

Estimated reading time: 15 minutes

Key Takeaways:

  • Hyperautomation ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า
  • CAO มีบทบาทสำคัญในการวางแผน กำกับดูแล และขับเคลื่อน Hyperautomation ในองค์กร
  • ความท้าทายในการนำ Hyperautomation มาใช้ในองค์กรไทย ได้แก่ ความซับซ้อนของกระบวนการทำงาน และการขาดแคลนบุคลากร
  • บริษัทที่ปรึกษาด้านไอที บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ และบริษัทที่ให้บริการ Business Solutions มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้องค์กรต่างๆ นำ Hyperautomation มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Table of Contents:

Hyperautomation คืออะไร และทำไมจึงมีความสำคัญ?

ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ องค์กรต่างๆ ในประเทศไทยต่างมองหาแนวทางที่จะนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน หนึ่งในแนวทางที่ได้รับความนิยมคือ Hyperautomation ซึ่งเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีต่างๆ เช่น Robotic Process Automation (RPA), Artificial Intelligence (AI), Machine Learning (ML), และ Business Process Management (BPM) เพื่อทำให้กระบวนการทำงานเป็นไปโดยอัตโนมัติแบบครบวงจร ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจถึง บทบาทของ Chief Automation Officer (CAO) ในการขับเคลื่อน Hyperautomation สำหรับองค์กรไทย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล

Hyperautomation ไม่ใช่แค่การนำ RPA มาใช้ในงานที่ซ้ำซากจำเจเท่านั้น แต่เป็นการมองภาพรวมของกระบวนการทำงานทั้งหมดในองค์กร และนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้เพื่อทำให้กระบวนการเหล่านั้นเป็นไปโดยอัตโนมัติอย่างชาญฉลาด Gartner ได้ให้คำจำกัดความของ Hyperautomation ว่าเป็น "disciplined, business-driven approach to rapidly identify, vet and automate as many business and IT processes as possible" (แนวทางที่เน้นธุรกิจเป็นหลักในการระบุ ตรวจสอบ และทำให้กระบวนการทางธุรกิจและไอทีเป็นไปโดยอัตโนมัติให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้) [อ้างอิง: Gartner]

ความสำคัญของ Hyperautomation อยู่ที่การช่วยให้องค์กรสามารถ:

  • เพิ่มประสิทธิภาพ: ลดระยะเวลาและทรัพยากรที่ใช้ในกระบวนการทำงานต่างๆ
  • ลดต้นทุน: ลดความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
  • ปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า: มอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าผ่านกระบวนการที่รวดเร็วและแม่นยำ
  • เพิ่มความคล่องตัว: ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว
  • สร้างนวัตกรรม: ปลดปล่อยบุคลากรให้มีเวลาไปทำงานที่สร้างสรรค์และมีมูลค่าสูงขึ้น


ความท้าทายในการนำ Hyperautomation มาใช้ในองค์กรไทย

แม้ว่า Hyperautomation จะมีประโยชน์มากมาย แต่การนำมาใช้ในองค์กรก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในองค์กรไทยที่อาจมีข้อจำกัดด้านต่างๆ เช่น:

  • ความซับซ้อนของกระบวนการทำงาน: กระบวนการทำงานในองค์กรไทยหลายแห่งอาจมีความซับซ้อนและไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับการทำงานอัตโนมัติ
  • ขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะ: การนำ Hyperautomation มาใช้ต้องอาศัยบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ เช่น RPA, AI, ML, และ BPM ซึ่งยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานไทย
  • งบประมาณที่จำกัด: การลงทุนในเทคโนโลยีและบุคลากรที่จำเป็นสำหรับการนำ Hyperautomation มาใช้ อาจเป็นภาระทางการเงินสำหรับองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง
  • ความต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลง: พนักงานบางส่วนอาจไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานแบบเดิมๆ และอาจต่อต้านการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้


บทบาทของ Chief Automation Officer (CAO)

Chief Automation Officer (CAO) คือผู้นำที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการวางแผน กำกับดูแล และขับเคลื่อนการนำ Hyperautomation มาใช้ในองค์กร CAO ต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Hyperautomation รวมถึงความเข้าใจในธุรกิจและกระบวนการทำงานขององค์กร

บทบาทหลักของ CAO ประกอบด้วย:

  1. กำหนดวิสัยทัศน์และกลยุทธ์: CAO ต้องกำหนดวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ในการนำ Hyperautomation มาใช้ในองค์กร โดยต้องสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจและสอดคล้องกับศักยภาพของเทคโนโลยีที่มีอยู่ CAO ต้องสามารถสื่อสารวิสัยทัศน์และกลยุทธ์นี้ให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคนเข้าใจและเห็นพ้องต้องกัน
  2. ประเมินและคัดเลือกเทคโนโลยี: CAO ต้องประเมินและคัดเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการนำ Hyperautomation มาใช้ในองค์กร โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความสามารถของเทคโนโลยี ต้นทุน ความง่ายในการใช้งาน และความเข้ากันได้กับระบบที่มีอยู่ CAO ต้องสามารถนำเสนอข้อมูลและให้คำแนะนำแก่ผู้บริหารในการตัดสินใจลงทุนในเทคโนโลยีต่างๆ
  3. สร้างทีมงาน: CAO ต้องสร้างทีมงานที่มีความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Hyperautomation เช่น RPA developers, AI/ML engineers, business analysts, และ project managers CAO ต้องสามารถสร้างแรงจูงใจและพัฒนาทีมงานให้มีประสิทธิภาพสูง
  4. บริหารจัดการโครงการ: CAO ต้องบริหารจัดการโครงการ Hyperautomation ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยต้องติดตามความคืบหน้า แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และรายงานผลการดำเนินงานให้ผู้บริหารทราบอย่างสม่ำเสมอ
  5. วัดผลและปรับปรุง: CAO ต้องวัดผลการดำเนินงานของโครงการ Hyperautomation และนำผลการวัดมาปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น CAO ต้องสามารถแสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ของโครงการ Hyperautomation
  6. ส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้: CAO ต้องส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้และทดลองในองค์กร เพื่อให้พนักงานทุกคนมีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และสามารถนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาใช้ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ทักษะที่จำเป็นสำหรับ CAO

CAO ที่ประสบความสำเร็จต้องมีทักษะที่หลากหลาย ทั้งในด้านเทคนิคและด้านบริหารจัดการ:

  • ความรู้ทางเทคนิค: ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Hyperautomation เช่น RPA, AI, ML, BPM, OCR, NLP, และ process mining
  • ความรู้ทางธุรกิจ: ความเข้าใจในธุรกิจและกระบวนการทำงานขององค์กร รวมถึงความเข้าใจในอุตสาหกรรมที่องค์กรดำเนินธุรกิจอยู่
  • ทักษะการสื่อสาร: ความสามารถในการสื่อสารวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคนเข้าใจ
  • ทักษะการบริหารจัดการ: ความสามารถในการวางแผน จัดการ และควบคุมโครงการ Hyperautomation
  • ทักษะการแก้ไขปัญหา: ความสามารถในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในโครงการ Hyperautomation
  • ทักษะการเจรจาต่อรอง: ความสามารถในการเจรจาต่อรองกับผู้ขายเทคโนโลยีและผู้ให้บริการต่างๆ
  • ทักษะความเป็นผู้นำ: ความสามารถในการสร้างแรงจูงใจและพัฒนาทีมงาน


Hyperautomation กับ IT Consulting, Software Development และ Business Solutions

Hyperautomation ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทรนด์เทคโนโลยี แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้ บริษัทที่ปรึกษาด้านไอที บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ และบริษัทที่ให้บริการ Business Solutions มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้องค์กรต่างๆ นำ Hyperautomation มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บริษัทที่ปรึกษาด้านไอทีสามารถช่วยองค์กรในการ:

  • ประเมินความพร้อม: ประเมินความพร้อมขององค์กรในการนำ Hyperautomation มาใช้ และให้คำแนะนำในการปรับปรุงกระบวนการทำงาน
  • วางแผนกลยุทธ์: วางแผนกลยุทธ์ในการนำ Hyperautomation มาใช้ โดยสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ
  • คัดเลือกเทคโนโลยี: คัดเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการนำ Hyperautomation มาใช้
  • บริหารจัดการโครงการ: บริหารจัดการโครงการ Hyperautomation ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้

บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถช่วยองค์กรในการ:

  • พัฒนาซอฟต์แวร์: พัฒนาซอฟต์แวร์ที่จำเป็นสำหรับการนำ Hyperautomation มาใช้ เช่น RPA bots, AI models, และ BPM workflows
  • บูรณาการระบบ: บูรณาการระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Hyperautomation เช่น ระบบ ERP, CRM, และ HR

บริษัทที่ให้บริการ Business Solutions สามารถช่วยองค์กรในการ:

  • ปรับปรุงกระบวนการทำงาน: ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้รองรับการทำงานอัตโนมัติ
  • ฝึกอบรมบุคลากร: ฝึกอบรมบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Hyperautomation
  • ให้คำปรึกษา: ให้คำปรึกษาในการนำ Hyperautomation มาใช้ในองค์กร


กรณีศึกษา: ตัวอย่างความสำเร็จของ Hyperautomation ในองค์กรไทย

ถึงแม้ว่า Hyperautomation จะยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับหลายองค์กรในประเทศไทย แต่ก็มีบางองค์กรที่ได้เริ่มนำ Hyperautomation มาใช้และประสบความสำเร็จแล้ว ตัวอย่างเช่น:

  • ธนาคาร: ธนาคารหลายแห่งในประเทศไทยได้นำ RPA มาใช้ในการทำงานต่างๆ เช่น การตรวจสอบเอกสาร การอนุมัติสินเชื่อ และการจัดการข้อร้องเรียนของลูกค้า ทำให้สามารถลดระยะเวลาในการทำงาน ลดต้นทุน และปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า
  • บริษัทประกัน: บริษัทประกันได้นำ AI มาใช้ในการประเมินความเสี่ยงในการรับประกัน และในการตรวจจับการฉ้อโกง ทำให้สามารถลดความเสี่ยงและเพิ่มผลกำไร
  • โรงงาน: โรงงานได้นำ ML มาใช้ในการทำนายความผิดปกติของเครื่องจักร และในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ทำให้สามารถลดเวลาหยุดทำงาน และเพิ่มผลผลิต


ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติสำหรับผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญด้านไอที

สำหรับผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีที่สนใจนำ Hyperautomation มาใช้ในองค์กร มีข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติ ดังนี้:

  1. เริ่มต้นจากการประเมินความพร้อม: ประเมินความพร้อมขององค์กรในการนำ Hyperautomation มาใช้ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความซับซ้อนของกระบวนการทำงาน ทักษะของบุคลากร และงบประมาณที่มีอยู่
  2. กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน: กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการบรรลุอะไรจากการนำ Hyperautomation มาใช้ เช่น ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ หรือปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า
  3. เริ่มต้นจากโครงการขนาดเล็ก: เริ่มต้นจากการนำ Hyperautomation มาใช้ในโครงการขนาดเล็ก ที่มีความเสี่ยงต่ำ และสามารถวัดผลได้ง่าย
  4. สร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง: สร้างทีมงานที่มีความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Hyperautomation
  5. ให้ความสำคัญกับการฝึกอบรม: ให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Hyperautomation
  6. วัดผลและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ: วัดผลการดำเนินงานของโครงการ Hyperautomation และนำผลการวัดมาปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


บทสรุป

บทบาทของ Chief Automation Officer (CAO) ในการขับเคลื่อน Hyperautomation สำหรับองค์กรไทย มีความสำคัญอย่างยิ่งในการนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล CAO ต้องมีความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ ทั้งในด้านเทคนิคและด้านบริหารจัดการ รวมถึงความเข้าใจในธุรกิจและกระบวนการทำงานขององค์กร การนำ Hyperautomation มาใช้ในองค์กรไทยอาจมีความท้าทาย แต่หากมีการวางแผนและดำเนินการอย่างถูกต้อง ก็จะสามารถช่วยให้องค์กรเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

สนใจที่จะเริ่มต้นการเดินทางสู่ Hyperautomation หรือไม่?

มีศิริ ดิจิทัล มีความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้าน IT Consulting, Software Development และ Digital Transformation เราพร้อมที่จะช่วยให้องค์กรของคุณนำ Hyperautomation มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ ติดต่อเราวันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาฟรี!



FAQ

Q: Hyperautomation แตกต่างจาก RPA อย่างไร?

A: Hyperautomation เป็นแนวคิดที่กว้างกว่า RPA โดยรวมถึงการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น AI, ML, BPM, OCR, และ NLP เพื่อทำให้กระบวนการทำงานเป็นไปโดยอัตโนมัติอย่างชาญฉลาด ในขณะที่ RPA เน้นที่การใช้ซอฟต์แวร์ (bots) เพื่อทำงานที่ซ้ำซากจำเจ

Q: องค์กรขนาดเล็กสามารถนำ Hyperautomation มาใช้ได้หรือไม่?

A: ได้ องค์กรขนาดเล็กสามารถเริ่มต้นจากการนำ Hyperautomation มาใช้ในโครงการขนาดเล็ก ที่มีความเสี่ยงต่ำ และสามารถวัดผลได้ง่าย

Q: CAO ควรมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านใดบ้าง?

A: CAO ควรมีความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ ทั้งในด้านเทคนิคและด้านบริหารจัดการ รวมถึงความเข้าใจในธุรกิจและกระบวนการทำงานขององค์กร

ขับเคลื่อนธุรกิจไทยด้วย Data ในปี 2027